An adjectival phrase or adjective phrase is a group of words in a sentence that functions in the same way a lone adjective would.
Adjectives are used to modify nouns or pronouns. They give an additional detail about the meaning of a noun. In the sentence
. Prepositional phrase มีคำ Prepositionเป็นคำหลักของPhrase (Prep อยู่หน้าPhrase)
e.g. I called her on the phone. ฉันโทรหาหล่อนทางโทรศัพท์ [on the phone = Prep phrase]
2. Adjective phrase มีคำAdjectiveเป็นคำหลักของPhrase นอกจากนี้ยังหมายรวมถึง Phraseอื่นๆที่ทำหน้าที่เสมือน Adjอีกด้วย
e.g. She's absolutely impervious to criticism. หล่อนไม่ครั่นคร้ามต่อคำวิพากษวิจารณ์ [Adj phrase]
That food is good to eat. อาหารนั้นมีประโยชน์ที่จะรับประทาน [Adj phrase]
John is a man with a kind nature. จอห์นเป็นชายที่มีนิสัยโอบอ้อมอารี [Adj phrase]
3. Adverb phrase คือphraseใดๆ ที่ทำหน้าที่เป็น Adverbในประโยค
e.g. The computer was devised specifically for use by those physicists. [Adv phrase]
John ran with great speed. [with great speed = quickly] [Adv phrase]
He fell to the ground. = down ตกลงที่ไหน [Adv phrase]
4. Noun phrase คือกลุ่มคำใดๆที่ทำหน้าที่เป็นคำนาม Nounในประโยค
e.g. Bali's spectacular beaches, volcanoes, lakes, temples, and terraced rice fileds have made it one of the most visited places on earth.
[ถ้าเราตัดตัวที่ขีดเส้นใต้ออกประโยคก็จะขาด Noun]
5. Verb phrase คือphraseที่มี verbเป็นคำหลัก
e.g. The box must have been opened. [Verb phrase]
อย่าจำสับสนกับ Phrasal verb ที่เป็นกลุ่มคำพิเศษที่ประกอบด้วยVerbและ Particles (อาจเป็นAdverbหรือPreposition)ซึ่งอาจมีความหมายที่แตกต่างจาก Verbหลักไปเลย
e.g. We didn't bargain for what happened. เราไม่ได้คิดสิ่งที่เกิดขึ้นไว้ล่วงหน้าเลย
[bargain ต่อรอง for = Phr V = expect คิดเอาไว้ก่อน]
6. Participle/Participial phrase กลุ่มคำที่มีParticipleเป็นคำหลักใช้ขยายความหมายเสมือน Adjective
e.g. The villagers lived in a house built of stone. [Past Part = ถูกสร้างจากหิน]
Being tired, we want to go home. [Present Part = รู้สึกเหนื่อย]
Walking along the street, we met John. [Present Part = ขณะกำลังเดินอยู่ที่ถนน]
7. Absolute phrase คือphraseผสมระหว่างNoun/Pronounกับ Participleโดยมีความหมายที่ไม่ได้เกี่ยวกับประโยคที่มันอยู่เลย
e.g. The students marching along, the people stood on both sides of the road.
นักเรียนเหล่านั้นกำลังเดินแถวตามๆกันมา ผู้คนเหล่านั้นได้ยืนอยู่บนสองฝากถนนนั้น
[นักเรียนเดิน ก็เดินไป ผู้คนยืน ก็ยืนไป ไม่ได้ขยายซึ่งกันและกัน]
8. Infinitive phrase กลุ่มคำที่มี Infinitive Toนำหน้า
e.g. John is the first man to walk in space. จอห์นเป็นมนุษย์คนแรกที่เดินในอวกาศ [To infinitive =ทำหน้าที่ขยาย man]
9. Gerund phrase กลุ่มคำที่ทำหน้าที่ของ Gerund
e.g. Her beautiful singing charmed us. [Gerund phrase]
I hate having to clean the room. [Gerund phrase]
Adjectives are used to modify nouns or pronouns. They give an additional detail about the meaning of a noun. In the sentence
. Prepositional phrase มีคำ Prepositionเป็นคำหลักของPhrase (Prep อยู่หน้าPhrase)
e.g. I called her on the phone. ฉันโทรหาหล่อนทางโทรศัพท์ [on the phone = Prep phrase]
2. Adjective phrase มีคำAdjectiveเป็นคำหลักของPhrase นอกจากนี้ยังหมายรวมถึง Phraseอื่นๆที่ทำหน้าที่เสมือน Adjอีกด้วย
e.g. She's absolutely impervious to criticism. หล่อนไม่ครั่นคร้ามต่อคำวิพากษวิจารณ์ [Adj phrase]
That food is good to eat. อาหารนั้นมีประโยชน์ที่จะรับประทาน [Adj phrase]
John is a man with a kind nature. จอห์นเป็นชายที่มีนิสัยโอบอ้อมอารี [Adj phrase]
3. Adverb phrase คือphraseใดๆ ที่ทำหน้าที่เป็น Adverbในประโยค
e.g. The computer was devised specifically for use by those physicists. [Adv phrase]
John ran with great speed. [with great speed = quickly] [Adv phrase]
He fell to the ground. = down ตกลงที่ไหน [Adv phrase]
4. Noun phrase คือกลุ่มคำใดๆที่ทำหน้าที่เป็นคำนาม Nounในประโยค
e.g. Bali's spectacular beaches, volcanoes, lakes, temples, and terraced rice fileds have made it one of the most visited places on earth.
[ถ้าเราตัดตัวที่ขีดเส้นใต้ออกประโยคก็จะขาด Noun]
5. Verb phrase คือphraseที่มี verbเป็นคำหลัก
e.g. The box must have been opened. [Verb phrase]
อย่าจำสับสนกับ Phrasal verb ที่เป็นกลุ่มคำพิเศษที่ประกอบด้วยVerbและ Particles (อาจเป็นAdverbหรือPreposition)ซึ่งอาจมีความหมายที่แตกต่างจาก Verbหลักไปเลย
e.g. We didn't bargain for what happened. เราไม่ได้คิดสิ่งที่เกิดขึ้นไว้ล่วงหน้าเลย
[bargain ต่อรอง for = Phr V = expect คิดเอาไว้ก่อน]
6. Participle/Participial phrase กลุ่มคำที่มีParticipleเป็นคำหลักใช้ขยายความหมายเสมือน Adjective
e.g. The villagers lived in a house built of stone. [Past Part = ถูกสร้างจากหิน]
Being tired, we want to go home. [Present Part = รู้สึกเหนื่อย]
Walking along the street, we met John. [Present Part = ขณะกำลังเดินอยู่ที่ถนน]
7. Absolute phrase คือphraseผสมระหว่างNoun/Pronounกับ Participleโดยมีความหมายที่ไม่ได้เกี่ยวกับประโยคที่มันอยู่เลย
e.g. The students marching along, the people stood on both sides of the road.
นักเรียนเหล่านั้นกำลังเดินแถวตามๆกันมา ผู้คนเหล่านั้นได้ยืนอยู่บนสองฝากถนนนั้น
[นักเรียนเดิน ก็เดินไป ผู้คนยืน ก็ยืนไป ไม่ได้ขยายซึ่งกันและกัน]
8. Infinitive phrase กลุ่มคำที่มี Infinitive Toนำหน้า
e.g. John is the first man to walk in space. จอห์นเป็นมนุษย์คนแรกที่เดินในอวกาศ [To infinitive =ทำหน้าที่ขยาย man]
9. Gerund phrase กลุ่มคำที่ทำหน้าที่ของ Gerund
e.g. Her beautiful singing charmed us. [Gerund phrase]
I hate having to clean the room. [Gerund phrase]
I don't like your BLUE for Thai sentences.
ตอบลบ(Ajarn Orada Opasrattanakorn)